How-to รับมือกับเคสทำร้ายร่างกาย

หมวดหมู่: พื้นที่เพื่อนครู

Tags:  ดูแลใจ

อ่านแล้ว: 469 ครั้ง


ภาพประกอบความรู้

เป็นครูแนะแนวต้องเจอกับเรื่องท้าทายรายวัน 😣😣

“เคสนักเรียนทำร้ายร่างกายตัวเอง” เพิ่มความเข้มข้นขึ้นทั้งจำนวนเคสที่เพิ่มขึ้น และรูปแบบของการทำร้ายร่างกายตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป ครูหรือผู้ดูแลนักเรียนจะเตรียมรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร วันนี้แนะแนวฮับขอนำความรู้เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายตนเองและแนวทางมาฝากกันค่ะ

ชื่อภาพ

การทำร้ายร่างกาย (Self-harm)

คือ การกระทำใดๆ ก็ตามที่มีเจตนาจะทำให้ร่างกายตนเองเกิดความเจ็บปวด เช่น การกรีดข้อมือ การรับประทานยาเกินขนาด การกลืนสิ่งของหรือยาพิษ การตีหรือทุบให้ร่างกายมีรอยฟกช้ำ การเผาให้เกิดรอยแผล ฯลฯ รูปแบบของการทำร้ายร่างกายในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น การแกะเกาผิวหนังจนเป็นแผล การดึงผม หรือการเอามือทุบศีรษะของตนเอง เป็นต้น

สาเหตุที่อาจส่งผลให้นักเรียนทำร้ายร่างกายตนเอง ได้แก่

  • เพื่อจัดการกับมวลอารมณ์ที่ตกค้างอยู่ในใจของตนเอง

  • เพื่อลดความเครียดที่มีอยู่ในใจ

  • เพื่อเบี่ยงเบียนความสนใจจากอารมณ์ที่เจ็บปวด โดยการสร้างความเจ็บปวดทางร่างกายแทน

  • เพื่อแสดงอารมณ์ความเจ็บปวด ความโกรธ หรือความหงุดหงิด

  • เพื่อหลีกหนีจากเหตุการณ์ที่ตนเองรับไม่อยากยอมรับ

  • เพื่อควบคุมตัวเองจากความรู้สึกหรืออารมณ์ที่เกินจะรับไหว

  • เพื่อลงโทษตัวเอง

  • เพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น

  • เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อน

การทำร้ายร่างกายอาจเป็นหนึ่งในสัญญาณของการพยายามจนถึงแก่ชีวิต

การหมั่นสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่มีความเสี่ยงจะทำร้ายร่างกายตนเอง จะช่วยให้คุณครูสามารถเตรียมแผนป้องกันการเกิดเหตุร้ายได้มากขึ้น โดยสามารถเช็กอาการได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • นักเรียนมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ซึ่งมักเป็นอารมณ์เชิงลบ เช่น แสดงความโกรธ หรือโมโหโดยการตะโกน หรือทำลายข้าวของ

  • นักเรียนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น จากนักเรียนที่ร่าเริง กลายเป็นเก็บตัวเงียบ แยกตัว ไม่พูดคุยกับผู้อื่น หรือเริ่มมีพฤติกรรมที่ก่อกวน

  • นักเรียนพยายามแต่งตัวปกปิดร่องรอยแผลตามร่างกาย บริเวณข้อมือหรือแขน เช่น ใส่เสื้อกันหนาวตลอดเวลาแม้อากาศร้อน

  • นักเรียนมักแสดงออกถึงความสิ้นหวัง เช่น มักพูดว่า “ไม่รู้จะอยู่ทำไม” “ไม่รู้ว่าหนูเกิดมาทำไม” เป็นต้น

  • นักเรียนไม่เห็นคุณค่าในตนเอง เช่น มักพูดว่า “ใครๆ ก็ไม่ชอบผม” “หนูรู้สึกว่าเพื่อนๆ เกลียดหนู” เป็นต้น

  • นักเรียนมักมีปัญหากับครอบครัวบ่อยๆ เช่น ทะเลาะกับพ่อแม่ หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่อบอุ่น

  • นักเรียนแสดงออกถึงสัญญาณบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการพยายามทำร้ายตนเองจนถึงแก่ชีวิต เช่น การวาดภาพถึงความตาย การพูดว่าไม่อยากอยู่แล้ว เป็นต้น

  • นักเรียนเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ หรือเริ่มใช้สารเสพติด

  • นักเรียนเคยมีประวัติการทำร้ายร่างกายตนเอง หรือมีประวัติคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่เคยทำร้ายตัวเองและใช้ความรุนแรง

อย่างไรก็ตาม อาจมีนักเรียนบางคนที่คุณครูไม่ทันสังเกตหรือคาดคิดมาก่อนว่าเขาจะมีแนวโน้มในการทำร้ายตนเอง แนะแนวฮับจึงขอนำวิธีการรับมือแบบ 2 ระยะมาแบ่งปัน เพื่อให้คุณครูเตรียมกายและเตรียมใจให้พร้อมกับเหตุการณ์ดังกล่าวค่ะ

ชื่อภาพ

1. การรับมือระยะฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุการณ์นักเรียนทำร้ายร่างกายตนเอง ณ ขณะนั้น

1) ไม่ตื่นตระหนก ขอให้คุณครูตั้งสติ และพานักเรียนออกจากสถานที่เกิดเหตุ

2) ยึดความปลอดภัยของนักเรียนเป็นที่ตั้ง รีบพานักเรียนออกจากที่เกิดเหตุ ถ้าเป็นเคสกรีดข้อมือ ขอให้รีบพานักเรียนไปที่ห้องพยาบาลก่อน เพื่อห้ามเลือดและประเมินบาดแผล แต่ถ้าเป็นเคสกินยาเกินขนาด ขอให้รีบติดต่อโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในทันที

3) รายงานบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้าระดับชั้น เพื่อช่วยกันดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยภายในโรงเรียน

4) เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ อย่าเพิ่งนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แก่ผู้ปกครองฟัง เพราะนักเรียนบางคนอาจกลัวการถูกตัดสินจากคนรอบข้างว่า “ทำอะไรไม่คิด” หรือ “ไม่รักตัวเอง” และกลัวว่าความสัมพันธ์ที่มีจะแย่ลงไปกว่าเดิม ดังนั้น ขอให้คุณครูอดใจไว้รอพูดคุยกับนักเรียนและขออนุญาตนักเรียนก่อน หมายเหตุ: ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน ที่แพทย์ต้องการการตัดสินใจร่วมกับผู้ปกครองจริงๆ คุณครูก็สามารถแจ้งกับผู้ปกครองได้นะคะ ขอให้คุณครูพิจารณาเป็นรายกรณีไป

5) ทำงานแบบสหวิชาชีพ ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อหาแนวทางฟื้นฟูสภาพจิตใจด้วยกัน

6) พูดคุยกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ เพื่อหาแนวทางการดูแลจิตใจร่วมกัน ดังนี้

  • สอบถามว่านักเรียนรู้สึกอย่างไร หรือมีใครต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ถ้ามี ให้แยกนักเรียนกลุ่มนั้นออกมาเพื่อสังเกตพฤติกรรมและคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ อาจจะมีนักเรียนที่ไม่ได้บอกกับครูตรงๆ ว่าต้องการความช่วยเหลือ เราจึงขอแนะนำให้ให้ครูลองเริ่มสังเกตพฤติกรรมของเพื่อนสนิท หรือผู้ที่อยู่ใกล้นักเรียนที่ทำร้ายร่างกายเป็นอันดับแรก

  • สร้างความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจด้วยการสื่อสารว่า “เหตุการณ์นี้สามารถเกิดกับทุกคนได้ หากมีความเครียดหรือความกดดันบางอย่างที่ไม่สามารถพูดหรือระบายออกมาให้ใครฟังได้ ดังนั้น ครูขอให้นักเรียนไม่ตัดสินการกระทำของเพื่อน ล้อเพื่อน หรือมองว่าเพื่อนอ่อนแอ เพราะที่จริงแล้วเพื่อนกำลังต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ช่วยกันดูแลความรู้สึกของเพื่อน เมื่อเพื่อนกลับมาเรียนได้ตามปกติ”

  • สร้างความสัมพันธ์ในห้องให้มากขึ้น โดยการขออาสาเพื่อนบัดดี้ในการดูแลเพื่อนที่ทำร้ายตนเองในช่วงแรกอย่างใกล้ชิด อย่าให้เขาอยู่คนเดียว

ชื่อภาพ

2. การรับมือระยะยาว เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เกิดขึ้นในโรงเรียน

1) ทำแผนที่เครือข่ายความร่วมมือแปะไว้ในห้องแนะแนว เช่น การทำรายชื่อคุณครู นักจิตวิทยาประจำเขตพื้นที่ พี่ๆ มูลนิธิต่างๆ พร้อมทั้งแนบเบอร์โทรศัพท์ไว้ในที่ที่เห็นได้ชัดเจน เพราะหากมีเหตุฉุกเฉินที่คุณครูไม่อยู่ในเหตุการณ์ คุณครูท่านอื่น หรือนักเรียนก็สามารถที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันที

2) หารือกับผู้อำนวยการและเพื่อนครูในโรงเรียน ประชุมร่วมกับฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเสนอนโยบายหรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อลดปัญหาสุขภาพจิตและจัดการความเครียด เช่น กิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อลดภาวะความเครียด โครงการเพื่อนที่ปรึกษารับฟังปัญหาต่างๆ หรือกิจกรรมดูหนัง ฟังเพลง โดยอาจจะขอความร่วมมือจากนักจิตวิทยาและหาเครือข่ายมาร่วมออกแบบกิจกรรมด้วย

3) ออกแบบการประชุมผู้ปกครอง ให้มีช่วงให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญ เข้าใจปัญหาต่างๆ ที่วัยรุ่นกำลังเผชิญและได้วิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้น

4) สอดแทรกกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดอย่างสม่ำเสมอ เช่น การฝึกหายใจ การสังเกตการเคลื่อนไหวของร่างกายตนเอง การนับเลข เป็นต้น ซึ่งคุณครูสามารถชวนนักเรียนทำก่อนเริ่มการเรียนการสอนในแต่ละวันได้

5) สร้างห้องเรียนให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย และออกแบบการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความรู้สึก เช่น การให้นักเรียนเขียนถึงความรู้สึกตนเองรายวัน และให้มีการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมห้อง เป็นต้น

6) ฝึกฝนทักษะการเป็นผู้รับฟังที่ดี รับฟังนักเรียนโดยที่ไม่รีบเข้าไปตัดสินว่าถูก-ผิด หรือรีบชี้แนะแนวทางการแก้ไข แต่รับฟังเพื่อที่จะเข้าใจเหตุผลของการกระทำของนักเรียนให้มากยิ่งขึ้น พร้อมให้โอกาสนักเรียนได้เลือกวิธีการแก้ปัญหาของตนเอง

การรับมือกับเคสทำร้ายร่างกาย ไม่ง่ายเลยค่ะ เพราะการพบเจอเหตุการณ์สะเทือนใจใดๆ ล้วนสามารถส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคุณครูและคนอื่นๆ ได้เช่นกัน ดังนั้น แนะแนวฮับจึงอยากขอให้กำลังใจคุณครูว่า “ถ้าไม่ไหว ไม่เป็นไร พักก่อนได้” นะคะ การประเมินความพร้อมของตนเอง ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้คุณครูรับมือได้อย่างมีสติ ไม่กดดันหรือคาดหวังกับตนเองมากจนเกินไป

หากยังไม่แน่ใจว่าจะเตรียมแผนรับมืออย่างไรดี ไม่รู้จะปรึกษาหรือเล่าให้ใครฟัง ก็ขอให้นึกถึงแนะแนวฮับ พื้นที่เพื่อนครูที่จะคอยรับฟังอย่างเข้าใจ และพร้อมสนับสนุนคุณครูนะคะ สามารถทักมาบอกเล่ากันได้เสมอค่ะ 🙂

บทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ - พร้อมรับมือเคสฉุกเฉิน (ฉบับครูมือใหม่) EP.1 https://guidancehubth.com/knowledge/139


พิเศษ! เปิดคอร์สออนไลน์ชวนคุณครูที่ต้องสอนแนะแนวทุกท่านมาเรียน

ชื่อภาพ

หลักสูตรการเรียนการสอนแนะแนวและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Online)

ถ่ายทอดโดยเพื่อนครูแนะแนวผู้มีประสบการณ์ตรงในการนำไปใช้จนเห็นผลการเปลี่ยนแปลง พร้อมเคล็ดลับและคำแนะนำที่สามารถใช้ได้จริง

✅ เรียนฟรี

✅ ได้ไอเดียและกิจกรรมไปใช้สอนแนะแนว

✅ มีเกียรติบัตร

คลิกสมัครและเริ่มเรียนได้ที่ https://guidancehubth.com/courses


แชทคุยกับเรา