รับมืออย่างไร เมื่อต้องบอกผลการเรียนกับผู้ปกครอง 5 สไตล์

หมวดหมู่: พื้นที่เพื่อนครู

Tags: 

อ่านแล้ว: 62 ครั้ง


ภาพประกอบความรู้

หลังจากสอบเสร็จแล้วเชื่อว่า คุณครูประจำชั้น หรือคุณครูรายวิชาหลาย ๆ คนอาจจะเกิดความกังวลเมื่อถึงเวลาที่จะต้องแจ้งผลการเรียนของนักเรียนกับผู้ปกครองให้รับทราบ

เพราะใช่ว่าผู้ปกครองทุกคนจะมีมุมมองหรือท่าทีที่เหมือนกันเวลาที่รับข้อมูล บางคนอาจจะมีความคาดหวังสูง บางคนวิตกกังวล บางคนอาจจะปกป้องลูก หรือบางคนอาจจะไม่สนใจเลยก็มี

แนะแนวฮับเข้าใจสถานการณ์ที่คุณครูต้องเผชิญค่ะ จึงนำแนวทางการรับมือและวิธีการสื่อสารกับผู้ปกครองหลากหลายสไตล์ เพื่อไม่ให้ไม่เกิดความขัดแย้ง และที่สำคัญคือ ช่วยให้ทั้งผู้ปกครองและครูมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันได้ค่ะ

ชื่อภาพ

สไตล์ที่ 1 : ผู้ปกครองที่คาดหวังสูง

ผู้ปกครองสไตล์นี้ มักแสดงออกว่าต้องการให้ลูกอยู่อันดับต้น ๆ ของห้อง โดยการถามว่า “ลูกอยู่ลำดับที่เท่าไหร่คะ” หรือ “ทำไมลูกถึงไม่ได้เกรด 4” มากกว่าการโฟกัสไปที่ตัวของนักเรียน รวมถึงอาจชอบเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นในห้อง

เมื่อเจอผู้ปกครองสไตล์นี้ คุณครูสามารถที่จะ… 1. เริ่มต้นพูดถึงพฤติกรรมที่ดีก่อน เน้นที่การพัฒนา ไม่ใช่แค่เกรด เพื่อแสดงให้เห็นว่าลูกมีการพัฒนาในด้านใดบ้าง เช่น ส่งการบ้านตรงเวลา หรือมีความพยายามในวิชาที่ยาก 2.ใช้ข้อมูลในการอธิบายเป็นหลัก เช่น นำคะแนน หรือชิ้นงานมาอธิบายว่าทำไมลูกถึงได้คะแนนเท่านี้ และคุณครูมีตัวชี้วัดอะไร เป็นต้น 3. เสนอความช่วยเหลือเป็นแผนที่ชัดเจน เช่น ระบุว่าลูกจะต้องพัฒนาหรือปรับปรุงตรงไหนมากขึ้น และคุณครูจะช่วยเหลืออย่างไร

ตัวอย่างการพูดคุย “ลูกของคุณแม่ส่งการบ้านตรงต่อเวลาและส่งครบอย่างสม่ำเสมอ และในการสอบครั้งล่าสุด คะแนนเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนค่ะ ถึงแม้จะยังทำไม่ได้เต็ม แต่เห็นชัดเลยว่า มีความพยายามมากขึ้น เราอาจจะเสริมด้วยแบบฝึกหัด หรือเพิ่มโจทย์แบบประยุกต์เป็นสัปดาห์ละ 2 ชุด เชื่อว่าจะช่วยให้การสอบครั้งถัดไปจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ”

ชื่อภาพ

สไตล์ที่ 2 : ผู้ปกครองที่ปกป้องลูก

ผู้ปกครองสไตล์นี้ เมื่อได้ยินว่าลูกมีผลการเรียนต่ำ มักจะรีบหาสาเหตุภายนอก หรือบางครั้งโยนความผิดมาที่คุณครูและระบบการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้ยาก

เมื่อเจอผู้ปกครองสไตล์นี้ คุณครูสามารถที่จะ…

  1. เริ่มต้นพูดคุยอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ตำหนิเด็กตรงๆ และเสริมเรื่องข้อดีที่เห็น เช่น “จากเทอมที่แล้ว ลูกคุณแม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้านการอ่าน แต่คะแนนที่ยังขาดไปจะเป็นเรื่องการทำงานร่วมกับเพื่อน”
  2. ยกตัวอย่างพฤติกรรมจริงที่เห็นในห้องเรียน เช่น “ระหว่างทำงานกลุ่ม ลูกไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเพื่อนเลย”
  3. เน้นหาทางออกร่วมกัน โดยการเสนอวิธีที่ครูกับผู้ปกครองทำร่วมกันได้

ตัวอย่างการพูดคุย “จากเทอมที่แล้ว ลูกคุณแม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้านการอ่าน แต่คะแนนที่ยังขาดไปจะเป็นเรื่องการทำงานร่วมกับเพื่อน ลูกของคุณพ่อมักจะนั่งเงียบ ๆ และไม่ค่อยกล้าพูดแลกเปลี่ยนกับเพื่อน หากที่บ้าน คุณพ่อช่วยส่งเสริมให้ลูกเล่าหรือแชร์ความรู้สึกในแต่ละวัน จะช่วยเสริมความมั่นใจในการพูดในห้องเรียนได้มากขึ้นค่ะ”

ชื่อภาพ

สไตล์ที่ 3 : ผู้ปกครองที่ไม่ค่อยสนใจ

ผู้ปกครองสไตล์นี้ จะไม่ค่อยติดตามผลการเรียนของลูก ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการประชุมผู้ปกครอง และมักมองว่าการเรียนเป็นหน้าที่ของครูเป็นหลัก เมื่อเจอผู้ปกครองสไตล์นี้ คุณครูสามารถที่จะ…

  1. เริ่มต้นด้วยการขอบคุณผู้ปกครองที่สละเวลามาร่วมรับฟังผลการเรียนของลูก เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นการว่าการใส่ใจจะช่วยพัฒนาลูกได้จริง
  2. ให้ข้อมูลด้วยความกระชับ โดยการใช้ประโยคสั้นๆ ชัดเจน ไม่ใช้ศัพท์วิชาการที่มากเกินไป
  3. เสนอแนวทางง่ายๆ เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถทำได้เลยโดยไม่ใช่เวลามาก เช่น อ่านหนังสือกับลูก 10 นาทีก่อนนอน
  4. ย้ำความสำคัญของผู้ปกครองในการสนับสนุนการเรียนรู้ของลูก

ตัวอย่างการพูดคุย “ขอบคุณคุณแม่คุณพ่อมากเลยนะคะที่มาร่วมรับฟังผลการเรียนของลูกในเทอมนี้ มันมีความหมายต่อการ พัฒนาน้องไปด้วยกันค่ะ ในเทอมที่ผ่านมาลูกของแม่สามารถอ่านได้ แต่ยังอ่านไม่คล่องนัก ถ้าได้ฝึกอ่านออกเสียงกับผู้ใหญ่วันละ 10 นาที ครูจะเชื่อว่าจะช่วยให้เขามั่นใจและเก่งขึ้นเร็วมากค่ะ”

ชื่อภาพ

สไตล์ที่ 4 : ผู้ปกครองที่วิตกกังวล

ผู้ปกครองสไตล์นี้ มักกังวลทุกเรื่องเกี่ยวกับลูก กลัวว่าลูกจะไม่ทันเพื่อน หรือไม่มีอนาคต อาจชอบถามคำถามซ้ำๆ เพื่อต้องการความมั่นใจจากคุณครู

เมื่อเจอผู้ปกครองสไตล์นี้ คุณครูสามารถที่จะ…

  1. เริ่มต้นด้วยการแสดงความเข้าใจในความกังวลของผู้ปกครอง
  2. อธิบายขั้นตอนการพัฒนาทีละขั้นตอน เพื่อชี้ให้เห็นว่าปัญหาสามารถแก้ไขได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เกินไป
  3. ชวนผู้ปกครองวางแผนเล็กๆ เท่าที่ได้จริง เพื่อให้ผู้ปกครองรู้สึกว่ามีทางออก
  4. ส่งกำลังใจและให้ความเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันจะช่วยทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้แน่นอน

ตัวอย่างการพูดคุย

“เข้าใจความกังวลของคุณแม่นะคะ ตอนนี้ลูกยังมีปัญหาเรื่องการสะกดคำ แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงวัยนี้ค่ะ เราจะให้ลูกฝึกเขียนคำง่าย ๆ เพิ่มทุกวัน และถ้าคุณแม่ช่วยทบทวนวันละ 5 นาที เชื่อว่าเขาจะพัฒนาได้เร็วขึ้น เรามาช่วยกันนะคะคุณแม่”

ชื่อภาพ

สไตล์ที่ 5 : ผู้ปกครองที่เปิดใจ รับฟัง และจับมือพัฒนาไปด้วยกัน

ผู้ปกครองสไตล์นี้ มักจะเปิดรับ รับฟัง และพร้อมให้ความมือกับครู สนใจฟังทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของลูกที่ควรพัฒนา มักจะถามว่า “ครูอยากให้เราช่วยยังไงบ้าง”

เมื่อเจอผู้ปกครองสไตล์นี้ คุณครูสามารถที่จะ…

  1. เริ่มต้นขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับคุณครูอย่างสม่ำเสมอ
  2. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา โดยสามารถบอกได้ทั้งสิ่งที่ดีและสิ่งที่ต้องปรับปรุง
  3. ชื่นชม และเสริมพลังให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
  4. นัดหมายติดตามผล เพื่อให้การพัฒนาก้าวหน้าต่อไป

ตัวอย่างการพูดคุย “ขอบคุณคุณพ่อมากเลยที่ให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอ ผลการเรียนภาพรวมเทอมนี้ค่อนข้างต่ำกว่าเทอมที่แล้ว แต่สิ่งที่ดีขึ้น คือ เขาสามารถทำโจทย์สมการที่เคยได้คะแนนน้อย ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ เราลองช่วยกันตั้งโจทย์สมการเพื่อให้น้องได้ฝึกเรื่องนี้มากขึ้นกว่าเดิมดีไหมคะ คุณพ่อช่วยเช็กที่บ้าน ส่วนครูจะช่วยกำกับที่โรงเรียน แล้วเรามาดูกันอีกครั้งในเดือนหน้าค่ะ”

คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณครูที่จะต้องรับมือกับความคาดหวังและความหลากหลายของผู้ปกครอง แต่เชื่อว่า หากคุณครูลองแยกลักษณะของผู้ปกครองและลองพยายามทำความเข้าใจความคาดหวังของแต่ละคน รวมถึงวางแผนการการสื่อสารที่แตกต่างกัน จะช่วยทำให้การทำงานเพื่อนักเรียนในระยะยาวเกิดขึ้นได้จริง

แนะแนวฮับก็อยากจะขอให้กำลังใจทั้งคุณครูและผู้ปกครอง เพราะแท้จริงแล้ว พวกเราคือทีมเดียวกันที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นกับนักเรียนของเราทุกคนค่ะ 🙂


พิเศษ! เปิดคอร์สออนไลน์ชวนคุณครูที่ต้องสอนแนะแนวทุกท่านมาเรียน

ชื่อภาพ

หลักสูตรการเรียนการสอนแนะแนวและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Online)

ถ่ายทอดโดยเพื่อนครูแนะแนวผู้มีประสบการณ์ตรงในการนำไปใช้จนเห็นผลการเปลี่ยนแปลง พร้อมเคล็ดลับและคำแนะนำที่สามารถใช้ได้จริง

✅ เรียนฟรี

✅ ได้ไอเดียและกิจกรรมไปใช้สอนแนะแนว

✅ มีเกียรติบัตร

คลิกสมัครและเริ่มเรียนได้ที่ https://guidancehubth.com/courses


แชทคุยกับเรา