เด็ก ๆ คิดยังไง กับวิธีแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน

หมวดหมู่: สนับสนุนงานแนะแนว

Tags: 

อ่านแล้ว: 40 ครั้ง


บุหรี่ไฟฟ้าคือยาพิษสำหรับเด็กๆ แมัจะมีกฎหมายควบคุม แต่เด็กหลายคนยังติดบุหรี่ไฟฟ้าและหาทางเลิกไม่ได้

อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาผู้ใหญ่อย่างเราจะมองวิธีแก้ไขปัญหาเพียงแค่ในมุมของตัวเอง ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนต้องการจริงๆ

ดังนั้น “การฟังเสียงเด็ก ๆ” คือกุญแจสำคัญของการเริ่มต้นแก้ปัญหานี้ เพราะเด็กแต่ละคนมีความต้องการและมุมมองต่างจากผู้ใหญ่ การรับฟังช่วยให้เราออกแบบวิธีเลิกบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้ผล และถ้าพวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วยจะเพิ่มความรับผิดชอบและแรงจูงใจในการเลิกได้มากขึ้น

วันนี้แนะแนวฮับ จึงนำผลการสำรวจการรับฟังความต้องการของนักเรียนในการเลิกบุหรี่ไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จจากการวิจัยชื่อว่า “School-Based E-cigarette Cessation Program: What do youth want?” มาเป็นข้อมูลพื้นฐานให้คุณครูที่กำลังมีไอเดียทำกิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่นำไปต่อยอดได้ค่ะ จะมี insights อะไรกันบ้าง มาดูกันเลย 🙂

หัวข้อที่ 1 : สิ่งที่นักเรียนต้องการเพื่อช่วยในการเลิกบุหรี่

1.1 ชวนตระหนักถึงผลกระทบด้านสุขภาพ

  • การเห็นภาพความเสียหายของปอดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าจากสื่ออาจทำให้นักเรียนบางคนเกิดความกังวลได้บ้าง แต่อาจจะไม่เพียงพอที่ทำให้นักเรียนเลิกได้จริงจัง ดังนั้น การให้นักเรียนเห็นภาพ “ความเสียหายของปอดตนเอง” หากนักเรียนยังสูบบุหรี่อยู่ จะช่วยทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่จะเลิกบุหรี่ได้
  • การได้ฟังเรื่องราวของคนที่่่ผ่านประสบการณ์ความเจ็บปวดจริงๆ จากการสูบบุหรี่ก็จะช่วยโน้มน้าวนักเรียนได้เช่นกัน

1.2 ให้รางวัล นักเรียนหลายคนตอบว่า ต้องการรางวัลเพื่อที่จะเลิกบุหรี่ เช่น เงินสด หรือของขวัญถ้าทำได้ถึงเป้าหมาย ซึ่งในข้อนี้ คุณครูอาจจะหาแรงจูงใจของนักเรียนภายใต้ข้อจำกัดด้านทรัพยากรของเรา เช่น การให้คะแนนพิเศษ เป็นต้น

1.3 ตั้งเป้าหมายระยะยาว นักเรียนหลายคนมองว่าการลดบุหรี่ควรค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องการที่จะถูกบังคับให้ ‘หักดิบ’ หรือให้เลิกโดยทันที

1.4 ชวนเพื่อนมาเป็นบัดดี้ นักเรียนบอกว่า การมีเพื่อนที่ต้องการเลิกบุหรี่มาทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อให้มีคนคอยท้าทายและสนับสนุนให้เลิกไปด้วยกัน จะช่วยให้เลิกได้ง่ายขึ้น

1.5 หาสิ่งอื่นมาทดแทนการใช้ยา นักเรียนหลายคนไม่ต้องการการใช้ยาเพื่อช่วยเลิกบุหรี่ แต่ต้องการสิ่งอื่นที่ทดแทนได้ เช่น ลูกอมหรือ หมากฝรั่ง เป็นต้น

หัวข้อที่ 2 : รูปแบบของกิจกรรม/โปรแกรมการเลิกบุหรี่ที่นักเรียนต้องการ

2.1 จัดกิจกรรมในชั่วโมงเรียน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจกรรมเลิกบุหรี่ เพราะนักเรียนหลายคนไม่อยากที่จะเลิกเรียนเย็นจนเกินไป

2.2 นัดเจอหน้ากัน ถึงแม้ว่าคุณครูจะใช้วิธีการคุยกันทางโทรศัพท์ เพื่อติดตามหรือสนับสนุน แต่ภารเจอหน้ากันโดยตรงนั้นจะช่วยเพิ่มพลังของการอยากเลิกบุหรี่มีมากขึ้น

2.3 คุยกันตัวต่อตัว เป็นประโยชน์ เพราะนักเรียนส่วนใหญ่อาจรู้สึกอายถ้าต้องพูดคุยเรื่องนี้ต่อหน้าเพื่อนๆ ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เหมือนกัน

2.4 สร้างกลุ่มนักเรียนที่อยากเลิกเหมือนกัน เพราะการมีเพื่อนคอยเตือนและช่วยเหลือกันจะช่วยให้มีแรงบันดาลใจและรู้สึกสนุกที่จะเลิกบุหรี่มากขึ้น

2.5 จัดกิจกรรมอบรมเลิกบุหรี่ไฟฟ้า นักเรียนบอกว่าการจัดกิจกรรมเรื่องบุหรี่อย่างเป็นทางการจะช่วยให้นักเรียนจดจ่อกับกิจกรรมและได้รับความรู้ที่มีประโยชน์มากกว่าการให้นักเรียนไปหาข้อมูลเอง

หัวข้อที่ 3 : กลุ่มคนที่นักเรียนต้องการให้ช่วยเหลือ

3.1 ที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญนอกห้องเรียน มาช่วยรับคำปรึกษาจากนักเรียน เพราะนักเรียนหลายต้องการความเป็นส่วนตัวในการขอคำปรึกษา

3.2 เพื่อนที่ปรึกษา นักเรียนต้องการให้มี “เพื่อนที่ปรึกษา” ที่ไว้ใจได้มาช่วยรับฟังปัญหาและช่วยสนับสนุนการเลิกบุหรี่

หมายเหตุ ในงานวิจัยพบว่ามีนักเรียน 2 กลุ่ม ที่ทั้งเชื่อว่า “ผู้ปกครอง” สามารถช่วยสนับสนุนให้เลิกบุหรี่ได้ ตรงกันข้าม ผู้ปกครองบางกลุ่มอาจทำให้นักเรียนรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอให้คุณครูลองสอบถามนักเรียนเป็นรายบุคคอีกครั้ง เพื่อการหารูปแบบกิจกรรมที่เหมาะสมที่สุด

หัวข้อที่ 4 : อุปสรรคที่จะทำให้นักเรียนไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม/โปรแกมเลิกบุหรี่

4.1 สูญเสียความเป็นส่วนตัว : นักเรียนหลายคนกังวลว่าหากเข้าร่วมโปรแกรมแล้วจะถูกตัดสิน/ถูกตีตราว่าเป็นเด็กไม่ดี ดังนั้น นักเรียนจึงไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นๆ ตัดสินตนเอง

4.2 ถูกต่อว่าซ้ำๆ จากความไม่เข้าใจ: นักเรียนหลายคนไม่อยากถูกตัดสินหรือถูกต่อว่าซ้ำๆ เพราะคงไม่มีเด็กคนไหนที่อยากติดบุหรี่ ดังนั้น การสื่อสารของคุณครูต่อเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมาก เช่น ควรเลิกการทำโปสเตอร์ภาพประเภทต่อว่าหรือดูถูกคนที่สูบบุหรี่ เช่น “ช็อกแน่ ทาสของบุหรี่ไฟฟ้า” / “บุหรี่ไฟฟ้า ตัวการทำร้ายคนใกล้ตัว”

4.3 รู้สึกอับอายต่อตนเอง : นักเรียนส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกอับอายต่อตน และไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจากความกลัวนั้น ทำให้นักเรียนเลือกที่จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมนี้

หัวข้อที่ 5 : วิธีการดึงดูดนักเรียนให้เข้าร่วมกิจกรรม/โปรแกรมเลิกบุหรี่

5.1 ได้พูดคุยกับคนที่เลิกได้จริง : นักเรียนชอบพูดคุยกับนักเรียนรุ่นพี่ หรือสมาชิกที่เคยทำกิจกรรมแล้วสามารถเลิกได้จริง เพราะคนเหล่าคือเครื่องยืนยันความสำเร็จและยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ

5.2 บอกกันปากต่อปาก : การได้รู้เรื่องราวหรือการถูกชักชวนจากผ่าน “เพื่อน” ผู้มีประสบการณ์มาก่อน จะช่วยให้นักเรียนกล้าที่จะเข้าร่วมกิจกรรมมากขึ้น

นอกจากนี้ การสำรวจยังพบว่า วิธีการแจกใบปลิวหรือประกาศรับสมัครสมาชิกจากโรงเรียน อาจเป็นวิธีการที่ไม่เวิร์ค เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ชอบที่จะเจอกับผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มาจริงๆ มากกว่า

จะเห็นได้ว่า การช่วยเหลือให้นักเรียนสักคนให้เลิกสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยความร่วมมือหลายภาคส่วนและใช้กลยุทธ์ให้หลากหลาย เพื่อจะตอบโจทย์นักเรียนแต่ละคน

แต่จุดเริ่มต้นที่ครูทุกคนทำได้คือ "การฟัง" เพื่อให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และรู้สึกเป็นเจ้าของการเปลี่ยนแปลง และสามารถเริ่มต้นทำได้ตั้งแต่วันนี้

แนะแนวฮับเอาใจช่วยคุณครูนะคะ


พิเศษ! เปิดคอร์สออนไลน์ชวนคุณครูที่ต้องสอนแนะแนวทุกท่านมาเรียน

ชื่อภาพ

หลักสูตรการเรียนการสอนแนะแนวและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Online)

ถ่ายทอดโดยเพื่อนครูแนะแนวผู้มีประสบการณ์ตรงในการนำไปใช้จนเห็นผลการเปลี่ยนแปลง พร้อมเคล็ดลับและคำแนะนำที่สามารถใช้ได้จริง

✅ เรียนฟรี

✅ ได้ไอเดียและกิจกรรมไปใช้สอนแนะแนว

✅ มีเกียรติบัตร

คลิกสมัครและเริ่มเรียนได้ที่ https://guidancehubth.com/courses


แชทคุยกับเรา