อัปเดต แผนการเรียนใหม่ ที่ครูแนะแนวต้องรู้ พร้อมแนวทางตั้งรับความเปลี่ยนแปลง
หมวดหมู่: พื้นที่เพื่อนครู
Tags:
อ่านแล้ว: 19 ครั้ง

เมื่อแผนการเรียน ไม่ได้มีแค่สายการเรียนวิทย์คณิต หรือศิลป์ภาษา อีกต่อไป ครูแนะแนวอย่างเราก็ต้องเตรียมรับมือให้พร้อม!!
ในอดีต นักเรียนมักเลือกแผนการเรียนจากตัวเลือกหลัก ๆ อย่าง วิทย์-คณิต หรือ ศิลป์-ภาษา แต่ปัจจุบันเส้นทางการศึกษามีความหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่ ศิลป์-ดนตรี, วิทย์-แพทย์ ไปจนถึงแผนการเรียนเฉพาะทาง เช่น เทคโนโลยี วิศวกรรม หรือธุรกิจ เมื่อโลกเปลี่ยนไป ครูแนะแนวเองก็ต้องเตรียมพร้อม! เราจะช่วยนักเรียนค้นหาเส้นทางที่เหมาะสมได้อย่างไร? ควรพัฒนาตัวเองด้านไหนบ้าง? มาคุยกัน!
g
โดยทั่วไปแล้วในการเรียนระดับสายสามัญจะแบ่งห้องเรียนออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ ห้องโครงการพิเศษ กับ ห้องเรียนปกติ
-
ห้องโครงการพิเศษ คือ ห้อง หรือแผนการเรียนที่เรียนโดยใช้หลักสูตรพิเศษ การเรียนที่เน้นภาษาอังกฤษเป็นหลักหรือ มีการใช้ทรัพยากรภายนอกเข้ามาเสริมในชั้นเรียน มากว่าห้องเรียนปกติ เช่น แผนการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ (English Program/Mini English Program ) แผน Intensive Program แผน Gifted Program หรือ General Program (ซึ่งนิยามแต่ละแผนอาจจะแตกต่างกันออกไปตามหลักสูตรที่โรงเรียนแต่ละที่ออกแบบ)
-
ห้องเรียนปกติ คือ ห้องเรียนทั่วไปที่จัดการเรียนการสอนรูปแบบปกติ โดยมักมีแผนการเรียนที่คล้ายกันในทุกโรงเรียนคือ แผนการเรียนวิทย์ คณิต และ แผนการเรียนศิลป์ คำนวณ หรือ ศิลป์ ภาษา ซึ่งความเปลี่ยนแปลงปัจจุบันเกิดขึ้นกับแผนการเรียนในห้องเรียนปกติ โดยเปลี่ยนแปลงไปจากแผนการเรียนเดิมในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปสู่แผนการเรียนที่เฉพาะจงเจาะมากขึ้น
g
ตัวอย่างแผนการเรียนแบบเดิม - แผนการเรียนวิทย์ คณิต - แผนการเรียนศิลป์ ภาษา - แผนการเรียนศิลป์ คำนวณ - แผนการเรียนศิลป์ สังคม - แผนการเรียนศิลป์ ทั่วไป
g
ตัวอย่างแผนการเรียนแบบใหม่ และแผนการเตรียมฯ (การจัดกลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาเลือกเพิ่มเติม และกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีความเฉพาะทางสูง เพื่อ เสริมศักยภาพ และ ปูพื้นฐานวิชาการ ให้สอดคล้องกับเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน เช่น เตรียมวิศวะ, เตรียมแพทย์, เตรียมนิเทศ, เตรียมอักษร ฯลฯ)
- แผนการเรียนเตรียมแพทย์
- แผนการเรียนเตรียมเภสัช-สหเวช
- แผนการเรียนเตรียมวิศวะ
- แผนการเรียนเตรียมสถาปัตย์
- แผนการเรียนเตรียมวิทย์-คอม
- แผนการเรียนเตรียมนิติ-รัฐศาสตร์
- แผนการเรียนเตรียมนิเทศ
- แผนการเตรียมศิลปกรรม
- แผนการเรียนเตรียมบริหารธุรกิจ บัญชี และการบริการ
-
แผนการเรียนเตรียมมนุษย์-ครุศาสตร์ (ขอบคุณข้อมูลจากโรงเรียนโพธิสารพิทยากร 2567)
-
แผนการเรียนคหกรรม
- แผนการเรียนศิลปกรรม สาขาทัศนศิลป์
-
แผนการเรียนศิลปกรรม สาขาดุริยางคศิลป์ (สากล) (ขอบคุณข้อมูลจากโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี 2567)
-
แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ เน้นด้านวิศวกรรมศาสตร์
- แผนการเรียนศิลป์ – คำนวณ เน้นบัญชี – เศรษฐศาสตร์
- แผนการเรียนศิลป์ – คำนวณ เน้นนิเทศศาสตร์ – สื่อสารมวลชน
- แผนการเรียนศิลป์ – คำนวณ เน้นนิติศาสตร์ – รัฐศาสตร์
- แผนการเรียนศิลป์ – ภาษา (ภาษาเยอรมัน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน ภาษาเกาหลี) (ขอบคุณข้อมูลจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ 2567)
ในมุมมองของครูแนะแนว หรือผู้ปกครองเอง การที่แผนการเรียนในโรงเรียนไม่ได้จำกัดแค่ วิทย์-คณิต, ศิลป์-ภาษา แต่มีแนวทางที่หลากหลายมากขึ้นตามข้างต้น เราควรเตรียมความพร้อมในประเด็นอะไรบ้าง แนะแนวฮับสรุปแนวทางตั้งรับความเปลี่ยนแปลงมาให้ดังต่อไปนี้
g
- สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแผนการเรียนที่หลากหลาย แต่ละสายมีเป้าหมายอะไร เช่น สายการเรียนวิทย์-คอม มุ่งเป้าไปสู่อาชีพวิศวะคอมพิวเตอร์ หรือ สายการเรียนเตรียมแพทย์ มุ่งไปสู่อาชีพทันตะ
- สร้างความรู้เรื่องแนวทางอาชีพของแต่ละสาย การเชื่อมโยงแผนการเรียนกับเส้นทางอาชีพที่เป็นไปได้ เช่น สายการเรียนนี้จบไปแล้ว เรียนต่ออะไร ตัวอย่างบทความที่น่าสนใจ เช่น แผนการเรียนไหน เรียนต่อคณะอะไรได้บ้าง ลิงก์ https://guidancehubth.com/knowledge/12
- ให้ข้อมูลด้านแนวโน้มของตลาดแรงงานและอาชีพอนาคต อัปเดตเทรนด์อาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ โดยคุณครูสามารถอัปเดตข้อมูลได้จากสื่อ หรือแหล่งอัปเดตเทรนด์ที่น่าเชื่อถือ เช่น World Economic Forum (WEF) Future of Jobs Report (www.weforum.org) ตัวอย่างบทความที่น่าสนใจ ลิงก์ https://www.chula.ac.th/news/210213/
- สร้างความเข้าใจเรื่องทักษะที่จำเป็นในโลกปัจจุบัน การพัฒนา Soft Skills และ Hard Skills ตัวอย่างแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ แนวทางการนำร่องชุดทักษะที่จำเป็น (Essential Skills Set) สำหรับเด็กและเยาวชนไทย สามารถดาวน์โหลดได้ที่ https://backoffice.onec.go.th/uploads/Book/2114-file.pdf 5.ส่งเสริมให้นักเรียนสำรวจตนเอง และความสนใจอย่างรอบด้าน ซึ่งเป็นฐานที่มีความสำคัญในการไปต่อของนักเรียนเป็นอย่างมาก **** แนะนำสำหรับครูที่อยากรู้จักตัวเองมากขึ้น สำรวจอาชีพ และออกแบบเส้นทางของตนเอง ได้ที่ https://a-chieve.org
- ชวนวางเส้นทางการศึกษาต่อ และสนับสนุนผู้เรียน ผ่านกิจกรรมเสริม การให้คำแนะนำเรื่อง Portfolio, Resume, การฝึกงาน สนับสนุนให้ทดลองเรียนรู้ผ่าน Work-based Learning, Internship ต่าง ๆ ซึ่งจะสนับสนุนให้นักเรียนไปสู่เป้าหมายได้ชัดเจนขึ้น
- พัฒนาระบบงานแนะแนว เมื่อแผนการเรียนเปลี่ยน การสร้างความร่วมมือทางวิชาการก็จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างเครือข่าย (ขึ้นอยู่กับนโยบายโรงเรียน อาจจะเป็นการแบ่งงาน การติดต่อประสานงาน การร่วมมือ MOU ไปตามแผนการเรียนต่างๆ) ทั้งนี้งานแนะแนวอาจจะมีหน้าที่ดูภาพรวมของโรงเรียนเพิ่มเติม หลักๆงานแนะแนวต้องทำการบ้านในการให้คำแนะนำ ส่งเสริม เพื่อการออกแบบกิจกรรม ผลงานให้สอดคล้องกับคณะสาขา หรือทักษะพิเศษที่สนับสนุนการเรียนต่อของนักเรียน
g
✅ จุดเด่นของแผนการเรียนใหม่ มีอะไรบ้าง 1. ช่วยให้นักเรียนมีเป้าหมายที่ชัดเจน -แผนการเรียนเตรียมฯ ช่วยให้นักเรียนโฟกัสกับเป้าหมายการเข้ามหาวิทยาลัยและอาชีพในอนาคต -ได้เรียนเนื้อหาที่เข้มข้นและตรงกับคณะที่ต้องการสอบเข้า
-
เตรียมตัวสำหรับข้อสอบแข่งขันระดับประเทศ -หลายโรงเรียนที่มีแผนการเรียนเตรียมฯ จะสอนเนื้อหาให้ลึกและกว้างกว่าหลักสูตรปกติ เพื่อให้พร้อมสำหรับการสอบ เช่น TPAT1 ความถนัดเฉพาะ กสพท ในสายเตรียมแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ TPAT2 ความถนัดศิลปกรรมศาสตร์ ในสายศิลปกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี TPAT3 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ในสายเตรียมวิศวะ TPAT4 ความถนัดทางสถาปัตยกรรม ในสายตรียมสถาปัตยกรรม TPAT5 ความถนัดครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ ในสายตรียมครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิชาเฉพาะของแต่ละสถาบัน -นักเรียนได้ฝึกทำข้อสอบเก่าและเรียนรู้เทคนิคการทำข้อสอบ ที่เข้มข้นมากกว่า เช่น แผนการเรียนเตรียมแพทย์ อาจจะมีการวิเคราะห์หรือมุ่งเจาะจงข้อสอบไปที่การเตรียมสอบ TPAT1 ความถนัดเฉพาะ กสพท มากกว่า
-
มีการแนะแนวเรียนต่อที่เจาะจงและเข้มข้นมากขึ้น -มีการแนะแนวเกี่ยวกับการสอบและการสมัครสอบที่เจาะจง การนำพี่ต้นแบบ หรือศิษย์เก่า มาแนะแนวทางการศึกษาต่ออย่างเจาะจง เช่น รุ่นพี่วิศวะศิษย์เก่า มาแนะแนวและแนะนำเทคนิคการเตรียมอ่านหนังสือ
❌ ข้อควรพิจารณาแผนการเรียนใหม่ อาจจะส่งผลอะไรได้บ้าง 1. ความเครียดและแรงกดดันสูง -หลักสูตรมีความเข้มข้นสูง ทำให้นักเรียนต้องเผชิญกับความเครียดจากการเรียนและการสอบ -บางคนอาจรู้สึกว่าถูกกดดันให้ต้องสอบติดคณะยอดนิยม เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี และต้องทำให้ได้ตามแผนที่ตนเองเรียนมา 2. อาจไม่เหมาะกับนักเรียนที่ยังค้นหาตัวเอง -หากนักเรียนยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง อาจรู้สึกว่าหลักสูตรเตรียมฯ บีบบังคับให้ต้องเดินตามทางที่กำหนด -อาจพลาดโอกาสสำรวจสาขาวิชาอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับตนเอง 3. เวลาพักผ่อนและกิจกรรมลดลง -ตารางเรียนและการบ้านที่หนักอาจทำให้นักเรียนมีเวลาว่างน้อย ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ -หากไม่จัดสรรเวลาที่เหมาะสม อาจมีเวลาสำหรับพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ เช่น กีฬา ดนตรี ศิลปะ หรือกิจกรรมพัฒนาตัวเอง ได้น้อย 4. ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาส -แผนการเรียนใหม่ หรือหลักสูตรเตรียมฯ มักมีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าเรียนพิเศษ ค่าสมัครสอบ และค่ายติวต่าง ๆ -นักเรียนจากครอบครัวที่มีทรัพยากรจำกัดอาจเสียเปรียบในการแข่งขัน
สุดท้ายแล้วแอดมินอยากให้ครูแนะแนวลองสื่อสารกับนักเรียน หรือผู้ปกครองดู โดยใช้หลักการตัดสินใจและประเมินเบื้องต้น คือ ลองถามตัวเองว่า 1. “อยากเข้าแผนการเรียนนี้เพราะอะไร?” 2. “แผนการเรียนนี้ส่งผลต่อการเรียนต่อในอนาคตของเรามากน้อยอย่างไร?” 2. “เรารู้จักอาชีพนั้นมากน้อยแค่ไหน” และวิเคราะห์ข้อจำกัด ข้อดี และสะท้อนตนเองอย่างตรงไปตรงมา ทบทวนว่าสายการเรียนนี้จะส่งผลต่อการเลือกอาชีพของเราไหม
เพราะสุดท้าย แผนการเรียนเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เส้นทางของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ขอแค่เลือกเส้นทางที่เหมาะสม และแต่ละเส้นทางมีจุดแวะพักระหว่างทาง ให้สามารถเบี่ยงเส้นทางได้เสมอ หรือเปลี่ยนเส้นทางใหม่ได้ด้วยตนเอง คุณครูและผู้ปกครองเพียงแค่ สนับสนุน ส่งเสริมอย่างเต็มที่ และฝึกฝนตนเอง รวมไปถึงการยืดหยุ่นกับตนเองให้เป็นค่ะ ท้ายนี้แอดมินขอส่งกำลังใจให้ครูแนะแนวในฐานะคนทำงานกับเด็ก ๆ ส่งกำลังใจ ให้ผู้ปครอง และน้องๆ ในการเลือกแผนการเรียนที่ตรงกับตนเองอย่างแท้จริง
อ้างอิง https://pimthaionline.net/?p=7790 https://www.wisut.ac.th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%98%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9-2/ https://home.e-spsm.online/tri/ https://www.debsirin.ac.th/academics/programs/upper-secondary-programs/