ชวนครูกู้ใจ รับมือภาวะหัวใจเหนื่อยล้า Bore-Brown-Burn
หมวดหมู่: พื้นที่เพื่อนครู
Tags:
อ่านแล้ว: 85 ครั้ง

“เหนื่อย/เบื่อ” กันไหมคะคุณครู กับสารพัดบทบาทที่ “ครู” ต้องรับผิดชอบ
ไม่ว่าจะเป็น งานสอน งานเอกสาร หรือการดูแลเด็ก ๆ แถมบางครั้งก็เหนื่อยกับระบบ ที่เรารู้สึกว่ายากจะเปลี่ยนแปลง
หลาย ๆ ครั้งที่ความเหนื่อยล้า หรือความเบื่อหน่ายเข้ามาเยือน เราอาจบอกกับตัวเองว่า “ฉันกำลังหมดไฟ” แต่รู้หรือไม่ว่า “ความเหนื่อยหรือเบื่อ” ไม่ได้มีแค่ “ภาวะหมดไฟ” เท่านั้น แต่ยังมีชื่อเรียกและสาเหตุที่ต่างกัน ?
แนะแนวฮับขอพาคุณครูมาทำความรู้จักกับ 3 ภาวะหัวใจเหนื่อยล้า เพื่อกู้ใจให้กลับคืนมาและฟื้นฟูพลังในการทำงานอีกครั้ง!
1. ภาวะ Boreout-เบื่องานเพราะขาดความท้าทาย
คือ ภาวะเบื่องานที่เกิดจากงานไม่มีความท้าทาย หรือไม่ตรงกับศักยภาพและความคาดหวังของตนเอง
Bore-Out มาจากรากศัพท์ ได้แก่ คำว่า “Bore” แปลว่า “เบื่อ” และ “Out” แปลว่า หมดลง (ใช้บริบทที่แสดงถึงผลกระทบ) ซึ่งแปลตามความหมายของภาษา คือ “ถูกความเบื่อกลืนกินจนหมดใจ”
สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- งานที่ทำซ้ำซากจำเจ ไม่มีความท้าทาย
- ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพัฒนาไปทางไหน
ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น คุณครูที่สอนมา 10 ปี แต่ถูกกำหนดให้ทำแผนการสอนรายงานฝ่ายวิชาการ ในรูปแบบเดิม ๆ ทุกปี โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย อาจจะรู้สึก “เฉา” “ไม่สนุก” “ไม่ท้าทาย” อย่างไม่รู้ตัว
อาการที่สังเกตได้ คือ
- เบื่อหน่าย ไม่มีแรงจูงใจ
- ไม่อยากตื่นมาทำงาน
- รู้สึกไร้จุดหมายในการทำงาน
- แกล้งทำตัวให้ยุ่ง เพื่อไม่ให้ถูกตำหนิ
💓 วิธีการกู้ใจให้กลับคืนมา
- เติม “พื้นที่สร้างสรรค์” เล็ก ๆ ลงไปในงานเดิม แม้งานเดิมจะมีกรอบที่ชัดเจน แต่คุณครูอาจใส่กิจกรรมใหม่ ๆ เล็ก ๆ ที่สะท้อนตัวตนหรือความสนใจของนักเรียน โดยการลองพูดคุยกับนักเรียนให้มากขึ้นว่ากำลังสนใจเรื่องอะไร และอยากที่จะให้ครูสอนเรื่องอะไรเป็นพิเศษ
- หาโปรเจกต์ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองและนักเรียน
- ลองคุยกับเพื่อนครูต่างโรงเรียน เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆ เพราะความเบื่อจะเบาลง เมื่อมีใครเข้าใจเรา
- หาคอร์สอบรมพัฒนาทักษะใหม่ ๆ
2. ภาวะ Brownout -ยังทำงานไหว แต่ใจค่อย ๆ หมดแรง
คือ ภาวะพลังใจถดถอย หรือ หมดใจ เป็นภาวะที่อันตรายเพราะดูเผิน ๆ เหมือนทุกอย่างจะ “โอเคดี” แต่กลับซ่อนความเหนื่อยล้าไว้ภายใน
Brown-Out มาจากรากศัพท์ ได้แก่ “Brown” แปลว่า “สีน้ำตาล” (ความหมายโดยนัย หมายถึง ความหม่นหมอง ไม่สดใส ไม่สว่าง) และ “Out” แปลว่า “ลดลง” หรือ “หมด” ในวงการไฟฟ้า “Brownout” หมายถึง อาการไฟตก แต่ยังไม่ดับสนิท หากเปรียบกับการทำงาน คือ “พลังงานที่ค่อยๆ ลดลง แต่เรายังฝืนอยู่”
สาเหตุหลักๆ ได้แก่
- ถูกคาดหวังสูงจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานและตัวเอง
- ขาดความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน
- องค์กรไม่มีทิศทาง ทำให้ไม่รู้ว่าจะต้องพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน
- ค้นพบว่าสิ่งที่ทำไม่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต
ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ครูที่เคยรักการสอนมาก ยังคงสอนได้ดี แต่ความรู้สึกภายในบอกว่า “ขอแค่สอนให้จบ” ให้ผ่านไปวัน ๆ
อาการที่สังเกตได้ คือ
- ยังทำงานได้ดี แต่รู้สึก “ไม่อิน” เหมือนเคย
- เริ่มถามตัวเองว่า “สิ่งที่ทำอยู่มีความหมายไหม?”
💓 วิธีการกู้ใจให้กลับคืนมา
- กลับมาทบทวน “ความหมาย” ของการเป็นครูในแบบของเรา
- พูดคุยกับนักเรียนในเรื่องอื่น ๆ เช่น เรื่องความฝัน เรื่องอาชีพในอนาคต เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรง
- หา Moment เล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกมีพลัง มองเห็นความสุขระหว่างวันที่ได้มาทำงาน เช่น การได้ยินนักเรียนพูด “หนูเข้าใจแล้วค่ะ” หรือ การที่เห็นนักเรียนที่มาสายทุกคาบ เข้าเรียนทันเวลา
- ชื่นชมและให้พลังใจแก่ตัวเองทุกวัน -กลับมาทำกิจกรรมที่สะท้อนตัวตนของเรา งานอดิเรกต่าง ๆ ที่เราชื่นชอบ
3. ภาวะ Burnout-ภาวะหัวใจหมดไฟอย่างแท้จริง
คือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน สูญเสียพลังในการทำงาน เริ่มมองโลกในแง่ลบและขาดสมดุลระหว่างชีวิตและงาน
Burn-Out มาจากรากคำศัพท์ ได้แก่ “Burn” แปลว่า “เผาไหม้” และ “Out” แปลว่า “หมด” ซึ่งความหมายในเชิงภาษาสื่อถึง “การถูกเผาไหม้จนหมด หรือ ใช้พลังงานจนหมด”
สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- งานหนักเกินไป เช่น งานเอกสาร งานดูแลนักเรียน
- ถูกคาดหวังสูงจากผู้บริหาร เพื่อนร่วมงานหรือผู้ปกครอง
- เวลาส่วนตัวถูกกลืนหายไป
- ขาดการสนับสนุนจากระบบหรือผู้บริหาร
ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น คุณครูมีชั่วโมงสอน 25 ชั่วโมง/สัปดาห์ และเสาร์ อาทิตย์ ยังถูกโรงเรียนส่งไปเข้าอบรม จึงทำให้คุณครูไม่มีเวลาพักผ่อนส่วนตัว และเริ่มรู้สึกหมดไฟในการทำงาน
อาการที่สังเกตได้ คือ
- รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
- ไม่อยากไปโรงเรียน ขาดแรงจูงใจ
- อารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย หรือรู้สึกหมดคุณค่าในตัวเอง
- ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
💓 วิธีการกู้ใจให้กลับคืนมา
- ปรึกษาเพื่อนครู หรือหัวหน้าหมวดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นและขอจัดตารางเพื่อลาพักผ่อนอย่างแท้จริง
- ปรึกษานักจิตวิทยา หากเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว
- ใช้เวลาพักผ่อนกับตัวเอง โดยปิดเครื่องมือสื่อสาร เพื่อชาร์จพลังให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง
ดูเผินๆ แล้วทั้ง 3 ภาวะมีความใกล้เคียงกัน แต่ถ้าจะสรุปความแตกต่างของทั้ง 3 ภาวะเป็นคำสั้นๆ ก็คือ Burnout = ล้า/เบื่อ เพราะทำมากเกินไป Boreout = ล้า/เบื่อ เพราะไม่ได้ทำอะไรที่ท้าทาย Brownout = ล้า/เบื่อ เพราะยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่มีใจแล้วก็ตาม
และถ้าลองเทียบความรุนแรงของภาวะต่างๆ อาจเปรียบได้ว่า Burnout เป็นภาวะที่น่าเป็นห่วง ต้องรีบกลับมาดูแลตัวเองในทันที ถัดมาเป็น Brownout ที่พลังงานของเราเริ่มจะถดถอย แต่ความน่ากลัวคือ เราอาจจะไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งนำไปสู่ภาวะอื่น ๆ เช่น โรคซึมเศร้าได้ และลำดับสุดท้ายคือ Boreout ที่จะส่งผลต่อบรรยากาศในห้องเรียนอย่างแน่นอน
ดังนั้น การกลับมารับรู้ว่า “ฉันกำลังเป็นอะไร” ก็จะช่วยให้คุณครูเข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิด และอนุญาตให้ตัวเองได้ “หยุดพัก” เพื่อกู้พลังใจให้กลับคืนสู่ห้องเรียนอีกครั้ง เพราะไฟที่ริบหรี่ ไม่ได้หมายความว่าเราดับเสมอไป บางครั้งแค่เติมเชื้อไฟที่ถูกต้อง ไฟในใจก็พร้อมจะลุกโชนได้อีกครั้ง
แนะแนวฮับขอเป็นกำลังใจให้นะคะ 🙂
อ้างอิง Skooldio. (2023, September 19). Burnout, Boreout, Brownout: เข้าใจอาการหมดไฟ เบื่องาน พลังใจหาย ก่อนจะสายเกินไป. Retrieved April 23, 2025, from https://blog.skooldio.com/burnout-boreout-brownout/
พิเศษ! เปิดคอร์สออนไลน์ชวนคุณครูที่ต้องสอนแนะแนวทุกท่านมาเรียน
หลักสูตรการเรียนการสอนแนะแนวและการสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Online)
ถ่ายทอดโดยเพื่อนครูแนะแนวผู้มีประสบการณ์ตรงในการนำไปใช้จนเห็นผลการเปลี่ยนแปลง พร้อมเคล็ดลับและคำแนะนำที่สามารถใช้ได้จริง
✅ เรียนฟรี
✅ ได้ไอเดียและกิจกรรมไปใช้สอนแนะแนว
✅ มีเกียรติบัตร
คลิกสมัครและเริ่มเรียนได้ที่ https://guidancehubth.com/courses